คุณเคยเหงาหรือเปล่า
เคยบ้างไหมเวลาที่คุณรู้สึกเหงา คุณมักจะมองต้นหญ้าที่มีดอกที่กำลังเอนไปตามสายลม
คุณมักจะมองดอกไม้ที่มันเหี่ยวเฉา คุณมักต้นไม้ที่ไร้ใบคุณมักจะมองหาแดดที่แรงปานกลางหน่อยและ
ดอกไม้ที่ติดตามพื้นและมันมักจะเป็นดอกสีขาวเสมอ
เคยบ้างไหมเวลาที่คุณรู้สึกสงบ
คุณมักจะมองหาที่นั่งซึ่งมันมักจะอยู่ใต้ต้นไม้หรือตามศาลา เมื่อคุณได้ที่นั่งในแบบที่คุณต้องการแล้วคุณเคยมองหาต้นหญ้าสีเขียวแล้วจากนั้น มองหากระดาษหรือสมุดโน๊ตสักเล่ม
และอยากที่จะบันทึกเรื่องราวบางอย่างลงไปไหม คุณอยากที่จะนั่งมองท้องฟ้าลายฟ้าสลับขาว ในใต้ร่มไม้ที่คุณนั่งอยู่ แล้วจากั้นคุณจะอยากได้ยินเสียงนกตัวเล็กๆร้องเสียงเบาๆไม่กี่ตัว หรืออยากอยู่แบบเงียบๆเพื่อต้องการคิดอะไรบางอย่าง
เคยบ้างไหมเวลาที่คุณรู้สึกสดชื่น คุณมักจะมองสิ่งเหล่านี้ ต้นไม้ ต้นหญ้าสีเขียวสดหรืออยากมองต้นข้าวสีเขียวในที่โล่งๆ และสูดอากาศเหล่านั้นเขาไปลึกๆจากนั้นปล่อยมันออกมาแล้วรู้สึกว่ามันโล่งและไม่อยากคิดอะไร ณ เวลานั้นถ้ามีใครเอาอะไรมากรอกใส่หูของคุณ ความรู้สึกแห่งความสุขเหล่านี้จะชะงักกระทันหันทันที
เคยบ้างไหมเวลาที่คุณรู้สึกโกรธใครมาคุณมักจะเก็บมันไว้แล้วไปลงกับต้นม้ด้วยการต่อยมันเเรงๆ ไปลงกับต้นหญ้าด้วยการใช้เท้าของคุณขยี้มัน หรือไปลงกับดอกไม้ที่ดูสวยงามด้วยการใช้ไม้หน้าสามหรือกิ่งไม้ธรรมดาฟาดมันมันแรงๆ
คุณเคยรู้สึกแบบนี้หรือทำแบบนี้ใช่หรือไม่
และเคยบ้างไหมเวลาที่คุณทุกข์คุณคุณมองจะมองหาต้นไม้ใหญ่ๆสักต้นและอยากเข้าไปกอดมัน นั่งข้างๆมัน หรือ ยืนมองดูมัน แล้วจากนั้นน้ำตาของคุณก็ไหลออกมา และเมื่อเวลาที่คุณอยู่ใกล้มันคุณมักจะมีความสุขอยู่เสมอ
และเคยหรือไม่ว่าเวลาที่คุณ เฮฮากับเพื่อนๆของคุณคุณมักจะมองข้ามพวกมันไปและไปสใจสิ่งอื่นแทน ..................ความรู้สึกเหล่านี้มักเกิดขึ้นกับคุณใช่หรือไม่....
โดย พระจันทร์ โต้รุ่ง
วันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
วันพฤหัสบดีที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
พ่อฉัน...My father..(เรื่องเล่าพ่อลูก)
พ่อของฉันเป็นผู้ชายที่แสนนนนจะธรรมดาไม่มียศฐาอะไรสักอย่าง ท่านเป็นคนที่ใจดีเข้าใจอะไรง่ายๆพูดแล้วถูกคอ มีครั้งหนึ่งท่านเหนื่อยจากการทำงานมาแล้วก็โทรมาหาเราเราก็คุยด้วยแล้วก็ทิ้งโทรศัพท์ลงด้วยความเบื่อหน่าย
แล้วก็บอกขอโทษกับท่านแต่ไมสำนึกหรอก
แต่พ่อก็รู้สึกได้ว่าเราไม่ได้ขอโทษอย่างจริงใจท่านรู้สึกเสียใจมาก
จากนั้นท่านก็โทรหาเราเรื่อยๆตอนนั้นเราอยู่ป.2-3นี่แหละด้วยความเป็นเด็กไม่ค่อยรักพ่อแม่จึงไม่สนใจเวลาที่พ่อโทรมา..โทรมา 153 สายเราก็ไม่รับ
เพราะเบื่ออยากเล่นกับเพื่อนมากกว่าคุยกับพ่อ
พอไปกรุงเทพโหเป็นครั้งแรกแต่ เราก็ไม่รู้ว่าแม่มาที่นี่เพื่อจุดประสงค์อะไร
แคบก็แคบ ร้อนก็ร้อนจากนั้นอยู่ได้ไม่นานแม่พาพ่อเข้าส่งโรงพยาบาลจุฬา
...เราถามแม่ว่าเกิดอะไรขึ้นแม่บอกว่าพ่อเป็นมะเร็งปอด....เราก็อึ้งเฮ้ย...เเล้วเป็นเมื่อไหร่อ่ะแม่.....นานแล้ว.....ไม่มีใครบอกหนูเลยล่ะเราถามแม่.....ไม่ได้คำตอบกลับมา
พ่อเข้ารักษาที่โรงพยาบาลให้คีโม ให้ทุกอย่างฉายรังสี พ่อทรมานเหลือเกิน ผู้ชายคนนี้เมื่อก่อนไม่ได้เป็นแบบนี้ เขาดูซีด...ดูผอมลงมากๆๆและดูเหนื่อยล้าเหมือนไม่อยากอยู่ต่อไปแล้วแต่พอแม่เข้าไปจับมือเขา เขาก็ยิ้มขึ้นมาแล้วเราจากนั้นอีก2-3ปีอาการดีขึ้นแล้วจากนั้นก็ซุดลงอย่างหนัก
แต่แล้วหลังจากเรากลับจากโรงเรียน ........ เรากับป้าแล้วก็ลุง(พี่ของแม่)ชวนเราไปรับพ่อทั้งสองไม่พูดอะไร ระหว่างทางไปโรงพยาบาล เราก็พูดขึ้นว่าจะให้พ่อกับแม่นั่งอยู่ข้างๆๆลุงกับป้าได้แต่ส่ายหน้าด้วยความหน้าเวทนา เราไม่รุ้หรอกพอถึงโรงบาลปุ๊ปรีบวิ่งลงรถแล้ววิ่งเข้าห้องพักพ่อเลยไม่สนใจใครหน้าไหนแล้ว
แต่เห็นแม่ก็กวักมือเรียกให้มาหาแล้วให้ก้มกราบพ่อ ผู้ชายคนนี้ดูอ่อนเพลีย เหนื่อยลมหายใจของเขาระหืดกระหอบ และจากนั้นก็ค่อยๆเบาลงในที่สุดลมหายใจนั้นก็หมดไปในเวลา 17.17 น.
ผู้ชายคนนี้ไม่ได้เป็นทหารทำที่เพื่อชาติ แต่เขาเป็นพนักทำงานบริษัทธรรมดาที่ทำเพื่อลูก
เขาไม่ได้หล่อเหลาเอาการเหมือนพระเอกในละคร แต่เขาหล่อมากในสายตาลูกของเขา
บ้านพักของเขาไม่ได้ใหญ่เพื่อให้เขาได้อยู่อย่างสุขสบาย แต่บ้านพักของเขากับเล็กเท่ารูหนูเพื่อให้ลูกเขาที่อยู่บ้านนอนสบายแทน
เขาไม่ได้กังวลเรื่องผิวหน้าของเขาว่าเวลาทำงานมันต้องขาวเนียนตลอดเวลา แต่เขากลับกังวลว่าเมื่อไหร่ที่งานของเขาจะสมบูรณ์พร้อมใช้งานและเมื่อไหร่ที่งานเสร็จเมื่อนั้นเขาจะต้องกลับมาหาลูกทันที
ถ้าวันนี้
พ่อยังโทรมาหาเราเราจะรีบรับแล้วบอกว่าพ่อเหนื่อยไหม
ถ้าวันนี้
พ่อยังบอกกับเราว่าอย่าร้องไห้นะนำตามีไว้สำหรับคนแพ้เท่านั้นมันจะไม่มีทางไหลออกมาจากเบ้าตาเราเลย
ถ้าวันนี้
พ่อมาบอกกลับเราว่าพ่อรักหนูนะ เราจะบอกกลับไปว่า หนูก็รักพ่อเหมือนกัน
ถ้าวันนั้น
เรากล้าบอกพ่อพ่อจ๋าสู้ๆ พ่อคงไม่เป็นแบบนี้
และถ้าวันนี้
พ่อยังบอกว่าชีวิตพ่อเป็นสิ่งที่มีค่า มันก็คือหนูไง เราจะบอกกลับไปว่า ชีวิตหนูก็...คือพ่อน่ะเอง............
หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณเห็นคุณค่าของคนที่คุณรัก...มากกว่านี้
แล้วก็บอกขอโทษกับท่านแต่ไมสำนึกหรอก
แต่พ่อก็รู้สึกได้ว่าเราไม่ได้ขอโทษอย่างจริงใจท่านรู้สึกเสียใจมาก
จากนั้นท่านก็โทรหาเราเรื่อยๆตอนนั้นเราอยู่ป.2-3นี่แหละด้วยความเป็นเด็กไม่ค่อยรักพ่อแม่จึงไม่สนใจเวลาที่พ่อโทรมา..โทรมา 153 สายเราก็ไม่รับ
เพราะเบื่ออยากเล่นกับเพื่อนมากกว่าคุยกับพ่อ
พอไปกรุงเทพโหเป็นครั้งแรกแต่ เราก็ไม่รู้ว่าแม่มาที่นี่เพื่อจุดประสงค์อะไร
แคบก็แคบ ร้อนก็ร้อนจากนั้นอยู่ได้ไม่นานแม่พาพ่อเข้าส่งโรงพยาบาลจุฬา
...เราถามแม่ว่าเกิดอะไรขึ้นแม่บอกว่าพ่อเป็นมะเร็งปอด....เราก็อึ้งเฮ้ย...เเล้วเป็นเมื่อไหร่อ่ะแม่.....นานแล้ว.....ไม่มีใครบอกหนูเลยล่ะเราถามแม่.....ไม่ได้คำตอบกลับมา
พ่อเข้ารักษาที่โรงพยาบาลให้คีโม ให้ทุกอย่างฉายรังสี พ่อทรมานเหลือเกิน ผู้ชายคนนี้เมื่อก่อนไม่ได้เป็นแบบนี้ เขาดูซีด...ดูผอมลงมากๆๆและดูเหนื่อยล้าเหมือนไม่อยากอยู่ต่อไปแล้วแต่พอแม่เข้าไปจับมือเขา เขาก็ยิ้มขึ้นมาแล้วเราจากนั้นอีก2-3ปีอาการดีขึ้นแล้วจากนั้นก็ซุดลงอย่างหนัก
แต่แล้วหลังจากเรากลับจากโรงเรียน ........ เรากับป้าแล้วก็ลุง(พี่ของแม่)ชวนเราไปรับพ่อทั้งสองไม่พูดอะไร ระหว่างทางไปโรงพยาบาล เราก็พูดขึ้นว่าจะให้พ่อกับแม่นั่งอยู่ข้างๆๆลุงกับป้าได้แต่ส่ายหน้าด้วยความหน้าเวทนา เราไม่รุ้หรอกพอถึงโรงบาลปุ๊ปรีบวิ่งลงรถแล้ววิ่งเข้าห้องพักพ่อเลยไม่สนใจใครหน้าไหนแล้ว
แต่เห็นแม่ก็กวักมือเรียกให้มาหาแล้วให้ก้มกราบพ่อ ผู้ชายคนนี้ดูอ่อนเพลีย เหนื่อยลมหายใจของเขาระหืดกระหอบ และจากนั้นก็ค่อยๆเบาลงในที่สุดลมหายใจนั้นก็หมดไปในเวลา 17.17 น.
ผู้ชายคนนี้ไม่ได้เป็นทหารทำที่เพื่อชาติ แต่เขาเป็นพนักทำงานบริษัทธรรมดาที่ทำเพื่อลูก
เขาไม่ได้หล่อเหลาเอาการเหมือนพระเอกในละคร แต่เขาหล่อมากในสายตาลูกของเขา
บ้านพักของเขาไม่ได้ใหญ่เพื่อให้เขาได้อยู่อย่างสุขสบาย แต่บ้านพักของเขากับเล็กเท่ารูหนูเพื่อให้ลูกเขาที่อยู่บ้านนอนสบายแทน
เขาไม่ได้กังวลเรื่องผิวหน้าของเขาว่าเวลาทำงานมันต้องขาวเนียนตลอดเวลา แต่เขากลับกังวลว่าเมื่อไหร่ที่งานของเขาจะสมบูรณ์พร้อมใช้งานและเมื่อไหร่ที่งานเสร็จเมื่อนั้นเขาจะต้องกลับมาหาลูกทันที
ถ้าวันนี้
พ่อยังโทรมาหาเราเราจะรีบรับแล้วบอกว่าพ่อเหนื่อยไหม
ถ้าวันนี้
พ่อยังบอกกับเราว่าอย่าร้องไห้นะนำตามีไว้สำหรับคนแพ้เท่านั้นมันจะไม่มีทางไหลออกมาจากเบ้าตาเราเลย
ถ้าวันนี้
พ่อมาบอกกลับเราว่าพ่อรักหนูนะ เราจะบอกกลับไปว่า หนูก็รักพ่อเหมือนกัน
ถ้าวันนั้น
เรากล้าบอกพ่อพ่อจ๋าสู้ๆ พ่อคงไม่เป็นแบบนี้
และถ้าวันนี้
พ่อยังบอกว่าชีวิตพ่อเป็นสิ่งที่มีค่า มันก็คือหนูไง เราจะบอกกลับไปว่า ชีวิตหนูก็...คือพ่อน่ะเอง............
หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณเห็นคุณค่าของคนที่คุณรัก...มากกว่านี้
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)